Kemi Badenoch รัฐมนตรีกระทรวงธุรกิจและการค้าแห่งสหราชอาณาจักร (Department for Business and Trade) ได้ขยายมาตการ safeguard ของผลิตภัณฑ์เหล็กทั้งหมด 15 หมวด เป็นเวลา 2 ปีจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2026 กระทรวงธุรกิจและการค้า กล่าวเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน
หน่วยงานเยียวยาทางการค้าของสหราชอาณาจักร (The UK's Trade Remedies Authority (TRA)) เริ่มทบทวนการขยายเวลาของมาตรการ safeguard ของผลิตภัณฑ์เหล็กในเดือนกันยายน 2023 ซึ่งพิจารณาว่าความเสียหายจะเกิดขึ้นกับผู้ผลิตเหล็กในสหราชอาณาจักรอีกหรือไม่ หากยกเลิกมาตรการดังกล่าว
ทาง TRA ได้เสนอเมื่อเดือนเมษายนว่า ควรขยายมาตรการดังกล่าวสำหรับผลิตภัณฑ์ทั้งหมด 15 หมวดหมู่ ออกไปอีก 2 ปี เนื่องจากพบว่ามีแนวโน้มว่าผู้ผลิตในสหราชอาณาจักรจะได้รับความเสียหายในทุกหมวดหมู่หากมาตรการดังกล่าวหมดอายุ
กระทรวงได้กล่าวว่า ทาง Badenoch ได้ตัดสินใจหลังจากพิจารณาข้อมูลหลักฐานของทาง TRA และประเด็นอื่นๆ ในวงกว้างเพื่อประโยชน์สาธารณะ โดยระบุว่าแม้ว่าการตัดสินใจดังกล่าวจะแสดงให้เห็นถึงการละทิ้งพันธกรณีของสหราชอาณาจักรภายใต้ข้อตกลงองค์การการค้าโลกที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสมดุลกับหลักฐานของ TRA และผลประโยชน์สาธารณะของสหราชอาณาจักร โดยการขยายเวลาของสหราชอาณาจักรเกิดขึ้นหนึ่งวันหลังจากที่สหภาพยุโรปตัดสินใจขยายมาตรการ safeguard ของเหล็กออกไปอีก 2 ปี
Badenoch ยังได้ตัดสินใจขยายระยะเวลาในการระงับใช้มาตรการดังกล่าวกับเหล็กของยูเครนออกไป ในวันเดียวกัน เนื่องจากเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะของสหราชอาณาจักร ทางกระทรวงดังกล่าวได้กล่าวว่า “การตัดสินใจครั้งนี้ทำให้มั่นใจได้ว่าการนำเข้าเหล็กของยูเครนจะไม่อยู่ภายใต้โควต้าของมาตรการ safeguard และอากรเพิ่มเติม ซึ่งสอดคล้องกับความมุ่งมั่นของสหราชอาณาจักรในการสนับสนุนยูเครนในการทำสงครามกับรัสเซีย”
สมาคมเหล็กแห่งสหราชอาณาจักร (UK steel association) ยินดีกับการขยายเวลามาตรการ safeguard โดยกล่าวว่ามันเป็นความสำคัญอย่างยิ่ง “นี่เป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญสำหรับภาคอุตสาหกรรมเหล็กของสหราชอาณาจักร มาตรการ Safeguard เป็นเครื่องมือเยียวยาทางการค้าที่สำคัญ ซึ่งใช้เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมจากการนำเข้าที่เพิ่มขึ้น อันเป็นผลมาจากการเบี่ยงเบนทางการค้าและการบิดเบือนทางการค้าระหว่างประเทศ” UK Steel กล่าวว่า “ภาษีมาตรา 232 ในยุคของ Trump ยังคงเบี่ยงเบนการค้าไปยังตลาดที่เปิดกว้าง ในขณะที่กำลังการผลิตเหล็กที่ล้นตลาดทั่วโลกถึง 60 เท่าของตลาดสหราชอาณาจักรยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางต้นทุนที่สูงและความต้องการเหล็กที่อ่อนแอ”
รายงานกล่าวเสริมว่า “การป้องกันการค้าที่แข็งแกร่งถือเป็นหัวใจสำคัญของตลาดเหล็กที่มีการดำเนินงานอย่างดี โดยแก้ไขการบิดเบือนทางการค้าในที่อื่นๆ และรับประกันการแข่งขันที่ยุติธรรม”
UK Steel กล่าวว่าตอนนี้โฟกัสจะต้องเปลี่ยนไปหากเกินจากปี 2026 เนื่องจากไม่สามารถขยายมาตรการป้องกันได้เกินวันที่ 30 มิถุนายน 2026 ตามกฎของ WTO และปัญหาในภาคส่วนนี้จะไม่หายไปพร้อมกับกำลังการผลิตเหล็กทั่วโลกที่เพิ่มขึ้น สมาคมฯ กล่าวว่ากำลังดำเนินการสร้างโมเดลใหม่ๆ เพื่อการเยียวยาในอนาคต
"แม้ว่าการขยายมาตรการ safeguards ชองเหล็กในปัจจุบันช่วยให้เรามีเวลาพอสมควร แต่เราตระหนักดีว่าความท้าทายทางการค้าที่เราเผชิญจะยังคงดำเนินต่อไปหลังจากปี 2026 ที่กำลังการผลิตส่วนเกินทั่วโลกกำลังเข้าใกล้ระดับที่ไม่ยั่งยืนอย่างรวดเร็ว โดยได้แรงหนุนจากเงินอุดหนุนจากรัฐ และส่วนใหญ่มาจากเตาถลุงเหล็กที่มีการปล่อยมลพิษสูง (high-emission blast furnaces)" Gareth Stace (The UK Steel Director General) กล่าว
Gareth Stace กล่าวว่า การจัดการกับกำลังการผลิตส่วนเกินไม่ได้เป็นเพียงวัตถุประสงค์ทางการค้าเท่านั้น แต่ยังควรเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การรั่วไหลของคาร์บอนด้วย "หน่วยงานของสหราชอาณาจักรและภาคอุตสาหกรรมเหล็กต้องประเมินและปรับปรุงนโยบายการค้า สร้างพันธมิตรกับประเทศที่มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน รวมถึงต่อรองกับระบบที่มีเงื่อนไข เพื่อให้เป็นประโยชน์กับสหราชอาณาจักร โดย UK Steel มุ่งมั่นที่จะร่วมมือกับทางการและ TRA เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์หลังมาตรการ Safeguard ในอนาคต" Gareth Stace กล่าว